ต้องขอขอบคุณพี่อู๊ด ครัวลุงนวย (พงษ์พิพัฒน์ ปุยะติ) ที่เป็นธุระขออนุญาตเจ้าของใบอนุโมทนาบัตรและถ่ายรูปส่งมาให้เราชมกันด้วยครับ
ต้องขอบอกก่อนนะครับว่า ผมไม่มีเจตนาจะตรวจสอบการเงินของวัดในขณะนั้นแต่อย่างใด เป็นแค่เพียงมองจากหลักฐานที่ปรากฏ เพื่อให้เราเห็นภาพในขณะนั้น ว่าการดำเนินการ มีลักษณะแบบไหน
ใบอนุโมทนาบัตร แปดใบที่ได้มานี้ เป็นใบอนุโมทนาบัตรที่ออกในปี 2521 ห้าใบ และในปี 2524 สามใบ ทั้งสามใบที่ออกในปี 2524 เป็นการออกหลังจากที่หลวงปู่โต๊ะ มรณภาพแล้ว ไม่เกินสองเดือน
จากหลักฐานที่มีอยู่ เรามาดูกันดีกว่า ว่าเราเห็นอะไรได้บ้าง จริงอยู่ที่เราไม่สามารถสรุปได้อย่างแท้จริงจากหลักฐานที่จำกัดเพียง ใบอนุโมทนาบัตร แปดใบ แต่ใบอนุโมทนาบัตร แปดใบก็สามารถสะท้อนให้เห็นการจัดการ การเงิน และการบัญชีได้ไม่มากก็น้อย
วิเคราะห์ที่ 1: ยอดเงินบริจาค
ถ้าเราดูลักษณะการเรียงและการใช้เลข ของเล่มที่และเลขที่ ตั้งแต่ต้นปี 2521 จนกระทั่ง ปี 2524 หลังหลวงปู่มรณภาพได้ไม่นาน
การเรียงลำดับเลขของ เล่มที่และเลขที่ ทำให้เราทราบว่าเลขที่คือจำนวนใบอนุโมทนาบัตรทั้งหมดที่ออก ณ เวลานั้นๆเลขที่จะเป็นลำดับที่เพิ่ม และไม่เป็นเลขที่ซ้ำกันเลย
วัดน่าจะใช้ระบบนี้ก่อนปี 2521 มานานพอควร คือมีการออกใบอนุโมทนาบัตรมามากกว่า 30,000 ใบ ก่อน 19 กุมภาพันธ์ 2521 (ก่อนการออกให้บูชา พระปิดตา เงินล้าน)
เท่ากับว่า ถ้าค่าเฉลี่ยเงินบริจาคแต่ละใบอนุโมทนาบัตร เท่ากับ 10 บาท ยอดบริจาคร่วมจะเท่ากับ 300,000 บาท
ถ้า 50 บาท เท่ากับ 1,500,000 บาท
ถ้า 100 บาท เท่ากับ 3,000,000 บาท
ถ้า 200 บาท เท่ากับ 6,000,000 บาท
ซึ่งหลักฐานค่อนข้างย้อนแย้งกับประโยคที่ว่า “ทางวัดได้มียอดรวมของเงินทำบุญทั้งหมดมากกว่าหนึ่งล้านบาท ช่วงเวลาที่ให้บูชาพระปิดตา "เงินล้าน”
(ย้ำนะครับว่า ผมไม่ได้ต้องการตรวจสอบการเงินของวัด ผมต้องการดูว่า ที่เราได้ยิน ได้เห็น ได้อ่านกันมานั้น มีความคลาดเคลื่อนแค่ไหนครับ)
มีความเป็นไปได้สูงที่ วัดมียอดรวมเงินบริจาคมากกว่า หนึ่งล้านบาทอยู่แล้ว แต่เป็นความคลาดเคลื่อนของการสื่อสารวัดน่าจะมียอดเงินฝากของเงินบริจาคในบัญชีไม่เคยถึง หนึ่งล้านบาท เพราะมีการนำเงินไปทะนุบำรุงและซ่อมแซมวัดไปด้วย พอออกรุ่น “เงินล้าน” ทำให้ยอดเงินฝากในบัญชีมีมากกว่าหนึ่งล้านบาท
ยกเว้น มีการข้ามเลขที่ หรือมีการเริ่มต้นจากเลขที่สูง ซึ่งเป็นเหตุให้การคำนวณคลาดเคลื่อนได้เหมือนกัน
ผมจะไม่ขอสรุปตรงนี้ แค่ให้เป็นขอสันนิษฐานเท่านั้น
วิเคราะห์ที่ 2: ระบบการบัญชีและการเงินของวัดประดู่ฉิมพลี
จากใบอนุโมทนาบัตร แปดใบ เราเห็นระบบการจัดการทางบัญชีและการเงินที่ค่อนข้างรอบครอบมาก เลขที่เป็นเลขที่เพิ่มขึ้นและไม่มีใช้ซ้ำ และแต่ละเล่มมีใบอนุโมทนาบัตรอยู่ 50 ใบ
รู้ได้อย่างไรว่ามี 50 ใบ มากหรือน้อยกว่านั้นหรือไม่ ด้วยการคำนวนอย่างง่ายๆ ดังนี้
จากใบอนุโมทนาบัตร เล่มที่ 1377 เลขที่ 68839
ถ้าเราเอาเลขที่ (68839) หารด้วยเลขของเล่มที่ (1377) จะได้จำนวนใบที่ใกล้เคียงของจำนวนใบอนุโมทนาบัตรต่อเล่ม ซึ่งคำนวณแล้วได้ 49.99 (68839/1377=49.99)
เมื่อปัดเลขขึ้นให้เต็มจำนวน จะได้เท่ากับ 50 ซึ่งก็คือจำนวนใบต่อเล่ม
ถ้าเล่มที่ 1377 มี 50 ใบจริง ใบสุดท้ายต้องเป็นเลขที่ 68850 และเมื่อเอา เล่มที่ 1377 ไปหารจะต้องเท่ากับ 50 พอดี ซึ่งก็ยังจริงอยู่ (68850/1377=50)
สามารถใช้วิธีพิสูจน์นี้กับใบไหนก็ได้ใน 8 ใบอนุโมทนาบัตรนี้ก็ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน
ทำให้เราทราบได้ทันทีว่า แต่ละเล่ม มีใบอนุโมทนาบัตร 50 ใบ
ในทางปฏิบัติทางบัญชีและการเงิน ระบบที่มีความเสถียร จะทำให้ง่ายต่อการจัดการและบริหาร สะท้อนให้เห็นถึงความรอบของคณะกรรมการในช่วงเวลานั้นได้
วิเคราะห์ที่ 3: แต่ละใบอนุโมทนาบัตร เจ้าของได้บูชาพระเครื่องหรือพระบูชาอะไรบ้าง
แน่นอนว่าเราไม่สามารถรู้ได้อย่างแท้จริงว่า พระอะไรบ้าง เพราะว่าพระเครื่องและพระบูชาหลายรายการมีราคาที่ออกจากวัดเท่ากัน
แต่ที่แน่นอน ใบอนุโมทนาบัตร ห้าใบ เมื่อปี 2521 ไม่สามารถบูชาพระปิดตา รุ่นเงินล้าน หรือ หลังจากนั้นได้ เพราะทั้งห้าใบ ออกให้ก่อนออกพรรษา ซึ่งหลวงปู่กำลังอาราธนาปลุกเสกรุ่นนี้อยู่
โอกาสที่จะเป็น พระปิดตา จัมโบ้ 1 มีไหม ตอบได้เลยว่ามีโอกาส
หลายๆคนอาจจะไม่รู้ว่า พระเหรียญและพระกริ่งราคาสูงกว่าพระเครื่อง พระเหรียญที่ออกให้บูชาจากวัดนั้น ราคา 300 บาท/เหรียญ พระปิดตา จัมโบ้ 1 ราคา 100 บาท
ส่วนสามใบหลัง ที่ลงวันที่หลังจากหลวงปู่มรณภาพแล้ว เราก็สามารถอ้างอิงได้ตามใบปลิว “ขอเชิญชมวัตถุมงคล” พอได้ เพราะอยู่ในเวลาที่ใกล้เคียง หรือ ณ เวลานั้นๆเลย ซึ่งแน่นอน ก็ไม่มีทางเป็นพระปิดตา เงินล้านอีกเหมือนกันเพราะหมดไปตั้งแต่ก่อนหลวงปู่มรณภาพแล้ว
Comments