สมเด็จขาโต๊ะ สิบสามพิมพ์หลัก และมวลสาร

ก่อนอื่นใด ผมต้องขอขอบคุณ พี่ชุณ พินัยธรรม หลวงพี่ และพี่ๆน้องๆที่ให้ข้อมูลและอนุญาตให้ใช้ภาพเพื่อมาประกอบบทความ

เมื่อวันก่อนที่ผมลงพระให้ชม มีพี่น้องถามเข้ามาหลายท่านเลยว่า พระซ้ายมือบนคือพระอะไร พี่ๆน้องๆหลายท่านรู้แล้ว หลายท่านก็ยังไม่รู้

วันนี้เรามาทำความรู้จักกับพระเครื่อง ชุดสิบสามพิมพ์ กันครับ

ทุกคนที่สะสมพระเครื่องของหลวงปู่โต๊ะ ต้องรู้จักพระเครื่องที่สร้างตั้งแต่ปี 2518 หรือหลังจากนั้นโดยเฉพาะพระปิดตา

พอเป็นพระเครื่องก่อน ปี 2518 คนส่วนใหญ่รู้จักแต่พระเหรียญ หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีพระเครื่องรุ่นไหนบ้าง พิมพ์ไหนบ้าง

แล้วยิ่งเป็นพระเครื่องของหลวงปู่โต๊ะก่อนปี 2500 เรียกได้ว่ายิ่งมีคนรู้น้อยเข้าไปอีก

คนสมัยก่อนได้บอกต่อๆกันมาว่า ที่สุดของการมีพระเครื่องของหลวงปู่ ก็ต้องไปจบที่สิบสามพิมพ์

แล้วทำไมคนสมัยก่อนถึงได้ต้องการพระสิบสามพิมพ์ไว้ในครอบครอง

พระเครื่องที่เอามาให้ชมวันนี้ เป็นอีกพิมพ์หนึ่งในสิบสามพิมพ์ คือพระสมเด็จ 3 ชั้น พิมพ์ขาโต๊ะ เนื้อผงแช่น้ำมนต์ หรือที่เราเรียกกันสั้นๆกันว่า สมเด็จขาโต๊ะเริ่มสร้างตั้งแต่ ปี 2468 เป็นต้นมา จนกระทั่งประมาณปี 2490 หลวงปู่ได้มอบผงอิทธิเจส่วนที่เหลือ ให้หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ นำไปสร้างพระเครื่อง เพื่อสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งก็คือพระผงของขวัญ ของวัดปากน้ำภาษีเจริญ ที่โด่งดังนั้นเอง

สมเด็จขาโต๊ะถือได้ว่าเป็นที่สุดของพระเครื่องในสิบสามพิมพ์ สุดแค่ไหนเรามาดูกันครับ

เมื่อมีคนกล่าวถึงพระปิดตา คนส่วนใหญ่จะนึกถึงพระปิดตาของหลวงปู่โต๊ะ เป็นอันดับต้นๆ ถึงแม้มีหลายหลวงพ่อ หลายหลวงปู่ จากหลายวัด ทั้งที่สร้างก่อนและหลังเป็นหลายสิบปี หลายร้อยปี

แต่เมื่อกล่าวถึงพระสมเด็จ คนทั่วไปก็นึกถึงพระสมเด็จ ของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะมีความนิยมสูง

จากคำบอกเล่า ความนิยมของพระสมเด็จเรียงตามลำดับดังนี้

1. พระสมเด็จ วัดระฆัง 2. พระสมเด็จ วัดบางขุนพรม 3. พระสมเด็จ วัดเกตุไชโย 4. พระสมเด็จ ขาโต๊ะ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี

เรียกว่า พระสมเด็จ ขาโต๊ะ ไม่เป็นสองรองใครยกเว้นพระสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต เรื่องราคาก็คงเดากันออกได้ว่า ไม่ใช่เบาๆแน่นอน

สมเด็จ ขาโต๊ะ มีจำนวนการสร้างน้อยมาก เชื่อกันว่ามีจำนวนแค่หลักร้อยกว่าองค์เท่านั้น เพราะหลวงปู่ได้ให้หลวงพ่อโชติ วัดตะโน เอาแม่พิมพ์ไปกดพิมพ์ และไม่ได้เอากลับมาพิมพ์ต่อ (พระเครื่องของหลวงพ่อโชติ จะมีลักษณะที่เล็กกว่า เนื่องจากมวลสารที่ใช้สร้างพระมีการหดตัว และไม่แช่น้ำมนต์)

ที่นี้เรามาดูมวลสารหลักในการสร้างพระสิบสามพิมพ์กัน

พระผงวิเศษ

ชิ้นส่วนพ่อโต วัดระฆัง ๑ วัดพลับ ๑ ขุยปู ๑ พ่อชุ่ม ๑ ว่าน ๑๐๘ ๑ พ่อโหน่ง ๑ ดินขุยปู ๑ ผงชำรุด ๑ ดินปลาใหล ๑ เปลือกหอย ๑

ทำให้สร้างโบสถ์ วัดวาอารามต่างๆ

(หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี)

พ่อชุ่ม หมายถึง หลวงพ่อชุม วัดพลับ พ่อโหน่ง หมายถึง หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน

ทั้งหลวงพ่อชุ่มและหลวงพ่อโหน่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่

ขุยปู ว่าน ๑๐๘ ดินขุยปู ดินปลาไหล จะไม่กล่าวไปในรายละเอียด ยกตัวอย่างเช่น ว่าน ๑๐๘ ประกอบไปด้วยว่านอะไรบ้าง คงต้องเจาะลึกมากกว่านี้จนออกนอกประเด็นไป

เมื่อได้มวลสารหลักแล้ว ก็ต้องใส่มวลสารสำคัญคือ ผงอิทธิเจผสมลงไป และนำไปกดพิมพ์ ซึ่งตามคำบอกเล่า หลวงปู่ได้กดพิมพ์พระเครื่องชุดนี้เกือบทั้งหมดด้วยตัวท่านเอง

หลังจากการกดพิมพ์ ท่านก็นำไปตากจนแห้งสนิท แล้วนำไปแช่น้ำมนต์ อธิษฐานจิตปลุกเสกไปเรื่อยๆ ก่อนเอามาแจกญาติโยม

แท่งผงอิทธิเจ ของหลวงปู่ อาจารย์วีระจารอักขระไว้

วิธีการทำผงอิทธิเจ ไม่ใช่แค่เอาดินสอพองมาใส่น้ำใบตำลึง แล้วปั้นเป็นแท่งดินสอ เพื่อเขียนยันต์และลบเป็นผงอิทธิเจ แต่ต้องทำให้ครบองค์ประกอบตามขั้นตอนที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก เช่นต้องปั้นให้ได้ความยาวเท่าฝ่าพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้า (ยังไม่มีข้อมูลว่ายาวกี่เซนติเมตรหรือกี่นิ้ว) ถ้าความยาวขาดหรือเกินก็ไม่สามารถเอามาเขียนยันต์เพื่อทำผงอิทธิเจได้

จากนั้นก็ต้องลงมือเขียนอักขระเลขยันต์ จากปถมัง ตรีสิงเห อิทธิเจ และมหาราช ว่าไปจนครบสูตร จะเว้นไม่ได้ หากขาดไปวันหนึ่งก็ต้องเอาผงที่เขียนไว้มารวมกัน ทำเป็นแท่งขึ้นมาใหม่ และต้องเขียนขึ้นมาใหม่ทำทุกวันต่อเนื่องกันไปจนครบสูตร

พระสิบสามพิมพ์แรก มีดังต่อไปนี้

1. พระสมเด็จ พิมพ์ขาโต๊ะ (พิมพ์ฐานสิงห์) 2. พระสมเด็จพิมพ์ 7 ชั้น 3. พระสมเด็จพิมพ์สมเด็จหูบายศรีหรือก้างปลา (ใหญ่และเล็ก) 4. พระสมเด็จพิมพ์ปรกโพธิ์ 8 ขีด 5. พระสมเด็จพิมพ์ปรกโพธิ์ 6 ขีด 6. พระพิมพ์แหวกม่าน 7. พระพิมพ์ซุ้มประตู 8. พระพิมพ์ซุ้มเรือนแก้วหรือซุ้มชินราช 9. พระพิมพ์พระคง 10. พระพิมพ์หยดน้ำ 11. พระพิมพ์กลีบบัว 12. พิมพ์พระวัดพลับ พิมพ์ยืน 13. พระพิมพ์กลีบบ้ว (กลีบบัวตัด)

ที่นี้เราพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไม คนสมัยก่อนถึงบอกว่า ต้องมาจบที่สิบสามพิมพ์

1. มวลสารหลักที่นำมาจัดสร้าง 2. ผงอิทธิเจที่ขึ้นชื่อ ของหลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อสด และ หลวงพ่ออีกรูปหนึ่งที่ไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าคือใคร ได้ร่วมกันจัดสร้าง 3. หลวงปู่กดพิมพ์ด้วยตัวท่านเอง (เกือบทั้งหมด) 4. หลวงปู่ได้แช่น้ำมนต์และอธิษฐานจิตปลุกเสกเป็นแรมเดือนแรมปี